วันจันทร์ที่ 2 มีนาคม พ.ศ. 2552

Integrating Functional Is

------------Transactional ทั้งหลายมากับ functional ก็จริง แต่ในการดำเนินงานธุรกรรมขององค์กรนั้น ไม่ใช่แค่แผนกใดแผนกหนึ่งแล้วจบ งานแต่ละแผนกต้องเชื่อมต่อถึงกัน ดังนั้นหาก Information ไหลถึงกันตลอดก็จะเป็นผลดี
------------ในการตอบสนอง Transaction ขององค์กรตั้งแต่ Order, check Stock สินค้า, Check การส่งของ, Check credit, จัดของ, ส่งของ,ออก invoice, ออกใบเสร็จ, เก็บเงิน
------------ซึ่งไม่มีอุปสรรคว่าไม่มีความพร้อมในขั้นตอนใดๆทั้งสิ้น เร็วที่สุดที่เป็นไปได้ในระบวน Transacting ธรรมดาที่ไม่ได้ integrate เข้าหากัน ทุกคนมีระบบช่วยเพื่อตอบสนองเฉพาะหน้าที่ของตัวเอง แต่ไม่ได้มองว่าคนอื่นจะเป็นอย่างไร จะเห็นว่ากว่าวงจรจะวน loop เข้ามาได้ และหากบางขั้นตอนมีปัญหาก็จะต้องเลื่อนออกไปเรื่อยๆ ทำอย่างไรให้กระบวนการนี้ พนักงานขายสามารถเข้าไป Check ใน Inventory ได้ ไป check ตารางส่งรถได้ และสามารถ Post ในจอเองได้ การ Integrate ต้องการ Concentration on business process และสิ่งที่เกิดคือ Data flow ในระหว่าง functional แทนที่ทุกฝ่ายจะต้องคอยเฝ้าโทรศัพท์ไว้คอยรับเพื่อให้บริการ โทรมาต้องมีคนรับเพื่อจะได้ตอบคำถามได้ตลอดเวลา ก็แค่เปิดหน้าจอ Check เองได้ ทำให้บริษัทมีค่าใช้จ่ายลดลง อย่างน้อยก็ไม่ต้องมีคนนั่งเฝ้ารับโทรศัพท์ ทำให้เพิ่ม employees’ productivity และสิ่งที่ตามมาคือ Information sharing และ collaboration ส่งผลให้องค์กรมีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น
------------สิ่งที่ต้องประสานงานกันในแต่ละ Function คือ information ทำอย่างไรให้ information เหล่านั้นสามารถ flow ไปได้ โดยไม่มีการก้าวก่ายกัน ฝ่ายการตลาดมีหน้าที่แค่ดูก็ดูแต่แก้ไขข้อมูลไม่ได้ อย่างดีก็แค่วางใบจองสินค้าเอาไว้ โดยไม่ต้องมานั่งเฝ้าเพราะอยู่ในระบบแล้ว ทุกหน่วยงานมีระบบสารสนเทศของตนอยู่แล้วที่เหลือคือการต่อให้ติด
------------โดยวิธีการที่จะทำให้เกิด Integrate ของ Information System คือ
------------1) เชื่อม applications เข้าหากัน เป็นเรื่องอย่างเพราะแต่ละระบบมีความแตกต่างกัน โดยต้องนำ Middleware เข้ามาจัดการเพื่อให้เกิด Integration
------------2) การปรับมาใช้เป็น Web service และintegrated suite ซึ่งเป็นการพัฒนาใหม่
------------3) การใช้ระบบ ERP
------------การ integrated ระหว่าง Front-office และ Back –office โดย Front-office คือระบบที่ให้บริการกับลูกค้า สามารถ interact กับลูกค้าทันที เช่น ระบบหน้า Counter ของธนาคาร ส่วนการทำงานที่ลูกค้าไม่เห็นอยู่หลังร้านคือ Back –office การ integrated ระหว่าง Front-office กับ Back –office เป็นเรื่องยากเพราะมาด้วยกลไกคนละส่วนกันแต่ก็มีบาง Vender ที่จะ offer ให้ Front-office และ Back –office integrated กัน Software ที่ใช้เพื่อให้เกิดการ integrate กันเรียกว่า Process-centric integration โดยเป็น solution ที่ได้รับการออกแบบ โดยการใช้ business process เป็นหลัก ไม่ได้ใช้ functional คือการ integration เกิดจากความเป็นแผนกฉันแผนกเธอมีมาก จึงทำให้ระยะเวลาในการทำงานระหว่างแผนกมากขึ้น โดยการใช้ business process เป็นมุมองแทนที่จะใช้ Middleware เพื่อให้ต่อกันติด ซึ่งก็จะมี Vender ให้บริการ โดย Capacity ของ Process-centric integration ได้แก่
------------- Online field sale ให้พนักงานขายออก field ได้ เป็น
------------web-based customer management application
------------
- Service contracts
------------- Mobile sales and marketing
------------- Call center and telephony suite
------------- Internet commerce เช่น การรับ Order การ Payment บน
อินเตอร์เน็ต โดยมี ERP เป็น Back-office
------------- Business intelligence เป็นการวิเคราะห์ เช่น ลูกค้าเป็นอย่างไร
ทำไมถึงซื้อสินค้าของเรา ทำไมถึงไม่ซื้อสินค้าของเรา
หากในองค์กรฝ่ายใดฝ่ายหนึ่งประสบความสำเร็จ ในขณะที่อีกฝ่าย
หนึ่งตามไม่ทัน คือ ข้างหน้าไปแล้ว แต่ข้างหลังยังตามไม่ทัน ท้ายที่สุดแล้วก็จะไป
ดึงข้างหน้า ดังนั้นหากจะไปก็ต้องขยับไปด้วยกัน
สำหรับปัญหาของ Business Process คือการลอกกันไม่ได้เพราะ
รายละเอียดภายในของแต่ละองค์กรมีความแตกต่างกัน เช่น การนำ Balance
Scorecard มาใช้

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น