Transaction processing เป็นพื้นฐานของ Functional
หน้าที่หลักของ Transaction Processing system (TPS) คือ monitors, collects, stores, process และ disseminates information
คุณสมบัติของ Transaction processing system (TPS)
1) ข้อมูลต้องประมวลผลมาก แต่ไม่ได้แปลว่าในทุกๆ Transaction จะต้อง
ประมวลผลมากเหมือนกันทั้งหมด
2) แหล่งข้อมูลส่วนใหญ่เป็นแหล่งข้อมูลภายใน สำหรับผู้ใช้ภายใน คุณสมบัติ
คือการเปลี่ยนแปลงในบางสิ่งบางอย่าง ตั้งแต่การค้าขายระหว่างผู้ร่วมค้า Contribute data เป็น
การใช้ out put จาก Transaction Processing โดยตรง แหล่งข้อมูลส่วนใหญ่เป็นแหล่งข้อมูล
ภายในบางอย่างก็อาจจะไม่ใช่ เช่น “Call center” Out put ที่เกิดขึ้นไม่ได้แสดงว่าทำอยู่แต่ข้างในอย่างเดียว 100% Transaction Processing system (TPS) มี interact กับคนภายนอกด้วย โดยเฉพาะลูกค้า ในการสร้างศักยภาพทางการแข่งขันผู้ประกอบการจะต้องให้ความสำคัญกับ Transaction Processing system (TPS) เนื่องจากสามารถสร้างความประทับใจได้และไม่ได้ภายในเวลาเดียวกัน หากสร้างความประทับใจให้กับลูกค้าได้ ก็จะรักษาลูกค้าไว้ได้ แต่หากสร้างความประทับใจไม่ได้ ก็จะเสียว่าที่ลูกค้าไป
3) ข้อมูลที่เกิดขึ้นมากับ TPS จะถูกประมวลผลโดยมีเกณฑ์ประจำ เช่น
เงินรับประจำวัน รายรับประจำวัน รายได้ประจำวันจำแนก เป็นบัตรเครดิต เงินสด ซึ่งไม่ได้มีแค่เอกสารที่ออกมา เอกสารที่ออกมาจากระบบ TPS เช่น ถ้าขายของก็ต้องมีใบเสร็จรับเงินในกรณี Supermarket ต่างๆ แต่ถ้าเป็นธุรกิจกับธุรกิจ (B2B) คุณอาจะยังไม่ออกใบเสร็จ ใบเสร็จจะกลายเป็น Transaction Process ของฝ่ายการเงิน ดังนั้นในจุดขายใบเสร็จจะออกเป็นใบส่งของ ใบกำกับการค้า เงินเดือน ภงด. Slip ใบส่งประกันสังคม เหล่านี้เราเรียกว่าเป็น Document เพราะออกมาเป็นใบๆ Per Transaction Out Put ที่ออกมี 2 แบบ แบบที่ 1 Per Transaction 1 Transaction ต้องออก 1 ชุด เช่น ใช้ ATM ถอนเงินก็ได้ใบเสร็จ 1 ใบ โอนเงินก็ได้ใบเสร็จ 1 ใบ ฝาก Check ก็ได้ใบเสร็จ 1 ใบ เหล่านี้เป็น Document ซึ่ง Document กลุ่มนี้เรียกว่า Action Document และแบบที่ 2 เรียกว่า Information Document คือ Document ที่ให้ information กับคนรับ เช่น ใบเสร็จรับเงิน ในขณะที่ Action Document เป็น Document ที่บอกให้คนรับรู้ว่าต้องทำ Action บางอย่าง เช่น คุณออก Invoice ให้กับลูกค้า เพื่อให้ลูกค้าทำ Action มาจ่ายเงิน โดย Document ส่วนใหญ่จะออกไปกับคนข้างนอก
สำหรับ Out put ที่ออกมาอีกส่วนหนึ่งเราเรียกว่า Report เช่น รายงานยอดขายประจำวัน
4) ต้องการการประมวลผลที่รวดเร็ว เนื่องจาก Transaction ต้องรับ In Put เพื่อนำไปประมวลผล ซึ่งอาจจะมากหรือน้อยแตกต่างกัน ทำให้เกิดการส่ง In Put เข้าไปในระบบแบบ Automatic คือการใช้ Bar code ใช้แถบแม่เหล็ก การหลีกเลี่ยงการ key ให้มากที่สุดเพื่อลดความความผิดพลาด ยิ่งระบบมีความเป็น Automatic มากเท่าไหร่ยิ่งลดความผิดพลาดมากเท่านั้น
5) ระบบ TPS หน้าที่โดยพื้นฐาน คือ Monitors และ Collect data (ทั้งข้อมูลในปัจจุบันและข้อมูลที่ผ่านมา)
6) In put และ Out put ข้อมูลมีความเป็นโครงสร้าง (Structure) สูง โดยทุกอย่างถูกกำหนดตายตัว เช่น การขายของ ข้อมูลที่ต้องออกในใบเสร็จต้องมีอะไรบ้าง หนึ่ง Transaction ต้องมีอะไรบ้าง โดยความเป็นโครงสร้างชัดเจนจะผันแปรไปตามความต้องการของผู้ประกอบการว่าอยากรู้อะไร เนื่องจากโครงสร้างมีความชัดเจนการประมวลผลจึงมีความคงที่ มีรูปแบบที่แน่นอนตามความต้องการของผู้ประกอบการ
7) Out put ที่เกิดขึ้นไม่ว่าจะเป็น Document หรือ Report มีรายละเอียดสูง เราจะไม่เจอการสรุป (Summarize) ที่อยู่ใน Transaction
8) การประมวลผลในระบบ TPS มักจะไม่มีอะไรที่ซับซ้อน เช่นการซื้อของในSupermarket ก็มีเพียงแค่การบวกกับการคูณเท่านั้นเอง
9) ข้อมูลต้องมีความถูกต้อง สมบูรณ์ และปลอดภัย ข้อมูลอ่อนไหวต่อความปลอดภัยเพราะรวมข้อมูลพื้นฐานที่เป็นทุกอย่างขององค์กร รวมทั้งลูกค้าที่อยู่กับ Transaction นั้นด้วย โดยเฉพาะธุรกิจทีมีการซื้อขาย และเกี่ยวข้องกับเงินๆทองๆ ความปลอดภัยของข้อมูลเป็นสิ่งสำคัญ
10) ข้อมูลต้องมีความเชื่อถือได้สูง
11) การสืบค้นข้อมูล หรือ ระบบถาม – ตอบ เป็นสิ่งที่ต้องมี เช่น การสอบถามไปยังฝ่าย Stock ว่ามีสินค้าชนิดนี้มีเหลืออยู่หรือไม่ การขอดูยอดคงเหลือจากตู้ ATM โดยการจะ real time หรือไม่ขึ้นอยู่กับธุรกิจของกิจการ
สมัครสมาชิก:
ส่งความคิดเห็น (Atom)
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น